การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปลูกถ่ายไต
ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด การประเมินความพร้อมของร่างกายและจิตใจ การลงทะเบียนรอรับบริจาคไต การตรวจหาความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อและเลือด รวมถึงการดูแลตนเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัดเพื่อผลการรักษาที่ดีและยั่งยืน
การเตรียมตัวและประเมินความพร้อม
-
ตรวจร่างกาย: ตรวจสุขภาพโดยละเอียด เช่น ตรวจเลือด ปัสสาวะ ความดันโลหิต หัวใจ และคัดกรองเชื้อไวรัสต่างๆ
-
ประเมินด้านจิตใจและพฤติกรรม: ตรวจสุขภาพจิตและประเมินพฤติกรรมการใช้ยา
-
รับการให้คำปรึกษา: เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์หรือผู้ที่เคยได้รับการปลูกถ่ายไต (advocate) เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการและข้อปฏิบัติต่างๆ
-
การดูแลก่อนผ่าตัด: หากมีข้อห้ามต้องแก้ไขตามคำแนะนำของแพทย์
การรอรับบริจาคไต
-
ลงทะเบียน: หากไม่มีผู้บริจาคที่เป็นญาติ จะต้องลงทะเบียนรอรับไตจากผู้บริจาคที่เสียชีวิต ซึ่งอาจใช้เวลานาน
-
ส่งตัวอย่างเลือด: ส่งตัวอย่างเลือดเป็นประจำทุกเดือนเพื่อตรวจหาความเข้ากันได้
-
ตรวจ HLA typing และ PRA: ตรวจครั้งแรกเพื่อลงทะเบียนชื่อเข้ารับไต และตรวจ PRA ทุก 3 เดือนเพื่อดูโอกาสการต่อต้านไต
การผ่าตัดปลูกถ่ายไต
-
กระบวนการผ่าตัด: การผ่าตัดจะวางไตใหม่ในบริเวณช่องท้องด้านล่าง ไม่ใช่การเอาไตเดิมออก แล้วจึงเชื่อมต่อหลอดเลือดและท่อไตเข้ากับร่างกายผู้ป่วย
-
ระยะเวลาการพักฟื้น: หลังผ่าตัดต้องพักในโรงพยาบาลประมาณ 2-4 สัปดาห์
-
การรับยา: ต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันไปตลอด
การดูแลหลังผ่าตัด
-
การดูแลตัวเอง: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ไตที่ปลูกถ่ายมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด
-
การสังเกตอาการผิดปกติ: สังเกตอาการที่ต้องรีบแจ้งแพทย์ทันที เช่น ไข้สูงกว่า 37.8 องศาเซลเซียส หรืออาการคล้ายเป็นหวัด, ความดันโลหิตสูงผิดปกติ (> 180/100 mmHg), ปวดตึงท้อง หรือปวดบริเวณที่ปลูกถ่ายไต, ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะขุ่น แสบขัด ปริมาณน้อยกว่า 1 ลิตรต่อวัน หรือสีเข้ม, มีอาการบวมตามตัว
-
การติดตามผล: พบแพทย์เพื่อติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วง 1 ปีแรกหลังผ่าตัด

